วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
ของแข็ง ของเหลว ก๊าซ
ของเหลว หมายถึง สารที่มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคน้อยกว่าของแข็งอนุภาคไม่ได้อยู่ชิดกันอย่างของแข็ง จึงมีปริมาตรที่แน่นอนแต่มีรูปร่างไม่แน่นอนเปลี่ยนแปลงไปตามภาชนะที่บรรจุ
ก๊าซ หมายถึง สารที่มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคน้อยมาก อนุภาคฟุ้งกระจายจนเต็มภาชนะที่บรรจุตลอดเวลามีปริมาตรและรูปร่างไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะของภาชนะที่บรรจุ
ทฤษฎีจลน์ของก๊าซ ( The Kinetic Theory of Gases )
ใช้อธิบายสมบัติทางกายภาพของก๊าซ
ใช้อธิบายสมบัติทางกายภาพของก๊าซ
1. ก๊าซประกอบด้วยอนุภาคเล็กๆเป็นจำนวนมากอนุภาคเหล่านี้อยู่ห่างกันมากและไม่มีแรงกระทำต่อกัน
2. โมเลกุลของก๊าซมีมวล และมีขนาดเล็กมากจนถือว่าโมเลกุลเป็นศูนย์
3. โมเกลุของก๊าซเคลื่อนที่อย่างอิสระด้วยอัตราเร็วคงที่ตลอดเวลาในแนวเส้นตรง
4. เมื่อโมเลกุลของก๊าซชนกันเองหรือผนังของภาชนะจะมีการถ่ายเทพลังงานจลน์ระหว่างกันได้แต่ไม่มีการ
เปลี่ยนแปลงเป็นพลังงานรูปอื่น
5. ที่อุณหภูมิเดียวกันก๊าซทุกชนิดจะมีพลังงานจลน์เฉลี่ยเท่ากัน และแปรผันตรงกับอุณหภูมิเคลวิน E = mv2
6. ความดันของก๊าซจะเกิดจากการที่โมเลกุลเคลื่อนที่ชนผนังภาชนะเท่านั้น การชนกันเองจะไม่ทำให้เกิดความดัน โดยความดันจะสูงถ้าโมเลกุลชนผนังด้วยความเร็วและความแรงสูง รวมถึงความถี่ในการชนผนังภาชนะสูง
2. โมเลกุลของก๊าซมีมวล และมีขนาดเล็กมากจนถือว่าโมเลกุลเป็นศูนย์
3. โมเกลุของก๊าซเคลื่อนที่อย่างอิสระด้วยอัตราเร็วคงที่ตลอดเวลาในแนวเส้นตรง
4. เมื่อโมเลกุลของก๊าซชนกันเองหรือผนังของภาชนะจะมีการถ่ายเทพลังงานจลน์ระหว่างกันได้แต่ไม่มีการ
เปลี่ยนแปลงเป็นพลังงานรูปอื่น
5. ที่อุณหภูมิเดียวกันก๊าซทุกชนิดจะมีพลังงานจลน์เฉลี่ยเท่ากัน และแปรผันตรงกับอุณหภูมิเคลวิน E = mv2
6. ความดันของก๊าซจะเกิดจากการที่โมเลกุลเคลื่อนที่ชนผนังภาชนะเท่านั้น การชนกันเองจะไม่ทำให้เกิดความดัน โดยความดันจะสูงถ้าโมเลกุลชนผนังด้วยความเร็วและความแรงสูง รวมถึงความถี่ในการชนผนังภาชนะสูง
กฎของบอยล์ (Boyle , s Law)
“ เมื่อใช้อุณหภูมิและมวลของก๊าซคงที่ ปริมาตรของก๊าซจะแปรผกผันกับความดัน ”
“ เมื่อใช้อุณหภูมิและมวลของก๊าซคงที่ ปริมาตรของก๊าซจะแปรผกผันกับความดัน ”
P1V1 = P2V2 = P3V3
กฎของชาร์ลส์ (Charles , law)“ เมื่อความดันและมวลของก๊าซคงที่ ปริมาตรของก๊าซจะแปรผันโดยตรง กับอุณหภูมิเคลวิน ”
= =
“ เมื่อปริมาตรและมวลของก๊าซคงที่ ความดันของก๊าซจะแปรผันโดยตรงกับอุณหภูมิเคลวิน ”
= หรือ =
“ เมื่ออุณหภูมิและความดันคงที่ ปริมาตรของก๊าซจะแปรผันโดยตรงกับปริมาณ (จำนวนโมล) ของก๊าซนั้น ”
= หรือ =
กฎรวมของก๊าซ และ สมการภาวะของก๊าซอุดมคติ (Combined gas law : equation state of ideal gas)กฎรวมก๊าซ เป็นการนำกฎของบอยล์และกฎของชาร์ลส์มารวมกัน เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง P , V และ T
ใช้ความสัมพันธ์ดังนี้ =
สมการภาวะของก๊าซอุดมคติ
PV = nRT
ทฤษฎีจลน์กับกฎของบอยล์
ที่อุณหภูมิคงที่โมเลกุลของก๊าซชนิดเดียวกันจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเฉลี่ยคงที่ เมื่อทำให้ปริมาตรของก๊าซลดลงโดยที่จำนวนโมเลกุลเท่าเดิม โมเลกุลที่อยู่ในภาชนะจะอัดกันแน่นมากขึ้น และมีโอกาสชนกับผนังบ่อยครั้งขึ้น หรือมีความดันเพิ่มขึ้นและเมื่อทำให้ปริมาตรเพิ่มขึ้นจะก่อให้เกิดที่ว่างมากขึ้น เป็นผลทำให้โมเลกุลชนกับผนังภาชนะน้อยลงซึ่งความดันจะลดลง
ที่อุณหภูมิคงที่โมเลกุลของก๊าซชนิดเดียวกันจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเฉลี่ยคงที่ เมื่อทำให้ปริมาตรของก๊าซลดลงโดยที่จำนวนโมเลกุลเท่าเดิม โมเลกุลที่อยู่ในภาชนะจะอัดกันแน่นมากขึ้น และมีโอกาสชนกับผนังบ่อยครั้งขึ้น หรือมีความดันเพิ่มขึ้นและเมื่อทำให้ปริมาตรเพิ่มขึ้นจะก่อให้เกิดที่ว่างมากขึ้น เป็นผลทำให้โมเลกุลชนกับผนังภาชนะน้อยลงซึ่งความดันจะลดลง
ทฤษฎีจลน์กับกฎของชาร์ลส์
เมื่ออุณหภูมิของก๊าซเพิ่มขึ้นจะทำให้ความเร็วเฉลี่ยของโมเลกุลของก๊าซเพิ่มขึ้น โมเลกุลจึงชนกับผนังของภาชนะได้บ่อยและแรงขึ้น ทำให้ความดันภายในภาชนะเพิ่มขึ้น เมื่อความดันเพิ่มจนมากกว่าความดันภายนอก ก๊าซในระบบจะขยายตัวออกเพื่อรักษาความดันให้คงที่ (ความดันภายในเท่ากับความดันภายนอก)ปริมาตรของก๊าซจึงเพิ่มขึ้นในทำนองเดียวกันเมื่อลดอุณหภูมิ โมเลกุลของก๊าซจะเคลื่อนที่ช้าลงทำให้อัตราการชนผนังภาชนะลดลง ความดันของระบบจึงลดลงดังนั้นก๊าซในระบบจึงหดตัวลงเพื่อจะทำให้ความดันคงที่ ปริมาตรของก๊าซจึงลดลง
เมื่ออุณหภูมิของก๊าซเพิ่มขึ้นจะทำให้ความเร็วเฉลี่ยของโมเลกุลของก๊าซเพิ่มขึ้น โมเลกุลจึงชนกับผนังของภาชนะได้บ่อยและแรงขึ้น ทำให้ความดันภายในภาชนะเพิ่มขึ้น เมื่อความดันเพิ่มจนมากกว่าความดันภายนอก ก๊าซในระบบจะขยายตัวออกเพื่อรักษาความดันให้คงที่ (ความดันภายในเท่ากับความดันภายนอก)ปริมาตรของก๊าซจึงเพิ่มขึ้นในทำนองเดียวกันเมื่อลดอุณหภูมิ โมเลกุลของก๊าซจะเคลื่อนที่ช้าลงทำให้อัตราการชนผนังภาชนะลดลง ความดันของระบบจึงลดลงดังนั้นก๊าซในระบบจึงหดตัวลงเพื่อจะทำให้ความดันคงที่ ปริมาตรของก๊าซจึงลดลง
ทฤษฎีจลน์กับกฎของเกย์ – ลูสแซก
เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น พลังงานจลน์และความเร็วเฉลี่ยของโมเลกุลเพิ่มขึ้น อัตราการชนผนังภาชนะและความเร่งในการชนเพิ่มขึ้น แต่ปริมาตรภาชนะคงที่จึงทำให้ความดันของก๊าซในระบบเพิ่มขึ้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)